ชวนคนใกล้ตัวไป Workout! เริ่มยังไงดี 3 ข้อที่จะช่วยคุณชักชวนพ่อแม่พี่น้องไปออกกำลังด้วย

สารบัญบทความ:

  • 3 เทคนิคการโน้มน้าวคนใกล้ตัว
  • 4 ข้อห้ามที่ไม่ควรทำ

การออกกำลังกาย เป็นเรื่องที่เราทำเพื่อตัวเอง แต่บางครั้งก็อดไม่ได้ที่อยากจะให้คนใกล้ตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พ่อแม่พี่น้อง และแฟน ไปออกกำลังกายเพื่อให้มีสุขภาพดี ซึ่งบางที ไม่ได้ชวนกันง่ายๆ! บทความนี้เราจะมาพูดถึงเทคนิคการโน้มน้าวกันครับ

ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจก่อนว่า กำลังใจในการออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพของเรานั้น ส่วนหนึ่งเลยมาจาการที่เราได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้าง เช่นการที่คนที่บ้านเข้าใจเราว่าเราชอบออกกำลังกายและซื้อรองเท้าออกกำลังกายมาให้ จะทำให้เรามีแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายมากขึ้น ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้เรามีแรงฮึดได้นั้น หลักๆมาจาก

  • การมองเห็นคุณค่าของการกระทำสิ่งนั้นๆ เช่น รู้ว่าออกกำลังกายแล้วหุ่นดี ดูดี หาแฟนง่าย เลยออก
  • การมองเห็นโทษของการไม่กระทำ เช่น รู้ตัวว่าถ้าปล่อยให้ตัวเองอ้วนมากๆจะเป็นโรค อายุจะสั้น เลยออกกำลัง
  • การมีการสนับสนุนจากคนไกล้ตัว เช่น พ่อแม่พี่น้อง ซื้อรองเท้ามาให้ในวันเกิด อยากออกกำลังกายขึ้น 100%
  • การมีความรู้ ว่าเราจะออกกำลัง และคุมอาหารยังไง (เลยต้องอ่านบทความ Fitjunctions ไง) จะได้ไม่ท้อ และไม่สับสน และที่สำคัญ​ Know How นั้นต้องเข้ากับ Lifestyle เราด้วย ไม่ใช่ออกกำลัง 6 วัน กินแต่ผักกับไก่ต้ม แบบนี้คงจะบั่นทอน

ซึ่งนี่แหละครับ คือสิ่งที่วันนี้เราจะมาคุยกัน ว่าจะทำยังไง! ให้ทั้งตัวเอง และคนข้างๆเรามาออกกำลังกายด้วยกัน ซึ่งวิธีที่เราจะทำก็มีแค่ 3 ข้อง่ายๆครับ

1. ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

ง่ายมาก เริ่มจากการที่เราเอาตัวเองให้รอดก่อน ลุยเลยครับ เค้าไม่ออกไม่เป็นไร เราออกให้เค้าดู ว่าเราทำได้! เรื่องการกิน ก็ปล่อยเค้ากินไปตามปกติ แต่เราก็กินของเราไป อาจจะไม่ได้ปุปปับแล้วเค้าหันมาสนใจในทันที แต่สิ่งแรกที่เราควรทำให้เค้าคิดคือ “ทำไมเราถึงตั้งใจนะ” และอีกสิ่งคือ “เฮ้ย ได้ผลเว้ย เราเอามั่งดีกว่า”

2. โน้มน้าวในทางบวก

การโน้มน้าวในทางบวก คือการเสนอรางวัล ไม่ใช่การหาบทลงโทษ เช่น ถ้าเธอมา Workout กับเราสักวันนึง เดี๋ยวเลี้ยงข้าวนะ หรือ พ่อครับ พ่อลองกินตามนี้ดูพ่อจะได้ไม่ต้องกินยาลดความดันนะครับ ซึ่งเป็นการชี้ผลประโยชน์ซึ่งเข้าตัวเค้าเต็มๆ จะต่างกับการโน้มน้าวในทางลบ เช่น “ไม่ออกกำลังกายแบบนี้ไงถึงได้อ้วน” แบบนี้ โอกาสที่เค้าจะตามมาออกกำลังกายกับเราน้อยลงแน่นอน

3. อย่าคาดหวังเยอะ

สุดท้าย คือชีวิตใครชีวิตมัน บางทีการคาดหวังเยอะเกินไป ทำให้เราต้องไปทะเลาะกับเค้าซะเปล่า เช่น เราหวังดีสมัคร Fitness ให้ แต่เค้าไม่ไป แล้วเราไปงอนเค้า …. แบบนี้อย่าทำนะครับ ทางที่ดี คือควรปล่อยให้เจ้าตัวเลือกทำเอง ส่วนเรา ก็คอยดู คอยชวน และทำให้เค้าดูอยู่ห่างๆพอครับ

สิ่งที่ควรเลี่ยง

  1. เลี่ยงการเหน็บแนม: เช่น แหม ทีไปเที่ยวอะไปได้ แต่ทำไปยิมกะเราไม่ไปเลยนะ …. แบบนี้คนฟังยิ่งไม่อยากไปด้วย
  2. เลี่ยงการล้อ: เช่น ดูพุงมึงดิ อ้วนฉิบหาย ไปลดความอ้วนได้แล้ว! แบบนี้ไม่เรียกว่าเป็นการทำให้เค้าเห็นความสำคัญของการลดความอ้วน แต่เป็นการย้ำปมด้อย ไม่ควรทำครับ
  3. เลี่ยงการดูถูก: เช่น ผมเนี่ยคุมอาหารสุดๆอะ พวกที่ทำไม่ได้ก็สมควรอ้วนเพราะพวกแม่งตามใจปาก … แบบนี้ไม่ควร เพราะคนฟังจะรู้สึกว่า อ้าว ฉันก็อยากตามใจปากมั่งอะ ไม่ได้บ้าฟิตเนสเหมือนเธอซะหน่อย
  4. อย่างอน: เช่น อ้าวซื้อรองเท้าวิ่งให้ ไม่ยอมมาวิ่งด้วยกันเลย งอน…  อย่าลืมนะครับ เรากำลังจะทำ “เพื่อคนอื่น” ดังนั้นทำแล้ว งอนไม่ได้นะครับ

สรุป

สุดท้าย การทำให้คนอยากออกกำลังกายนั้น ก่อนอื่นเลยต้องทำให้เค้ารู้สึกว่ามันไม่ได้ยาก ก็เริ่มจากตัวเราเนี่ยแหละครับ ทำให้เค้าดูก่อน แล้วค่อยๆให้เค้าทำตาม อะไรที่มันเกินเอื้อมเกินไป คนมักจะไม่ค่อยเริ่มทำ แต่อะไรที่คนเข้าถึงได้ง่ายต่างหากที่คนอยากทำ ดังนั้น เริ่มจากพวกเรา สร้างค่านิยมการออกกำลังกายที่ถูกต้อง และไม่ต้อง บ้าพลัง หรือหักโหมเกินไปกันก่อนครับ