Category: Exercise

เพิ่มกล้ามไปด้วย ลดไขมันไปด้วย ทำได้ไหม? ตอบตรงๆ (ให้พี่ฟ้า update บทความให้ด้วยครับ)

เป็นไปได้ไหมที่เราจะลดไขมัน และเพิ่มกล้าม ในเวลาเดียวกัน ตอบ: ขึ้นอยู่กับว่าเราระบุคำว่า เวลาเดียวกัน ว่าอย่างไร เพราะเรื่องเวลามันซับซ้อนมาก (ดู X-Men Days of Future Past สิ) และ Concept ของเวลานั้นถ้าเราไม่กำหนด เราจะไม่รู้เลยว่าคำว่า เวลาเดียวกันนั้น คืออะไร เพราะแม้แต่หน่วยวัด “วินาที” ก็ไม่สามารถกำหนดได้ แต่ขอตอบว่า ถ้าเป็นหน่วยวินาที เช่นใน 1 วิ เรากล้ามเพิ่ม และไขมันหายไป อย่างละ 10กรัม แบบนี้ เป็นไปไม่ได้ เพราะอะไร ไปดูใน Video ครับ ถ้าเป็นหน่วยวัน เช่น 10 วัน “อาจจะ” เป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับหลายๆองค์ประกอบ เช่น ใน 7 วันแรกอาจจะเพิ่มกล้ามได้ 10กรัม และ 3 วันหลังลดไขมันได้ 5 กรัม แบบนี้ถือว่า “เวลาเดียวกัน” ถ้าเป็นหน่วยปี เช่น 1 ปี 365 วัน แบบนี้เป็นไปได้แน่นอน ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ BULK จนใหญ่และอ้วนมากๆ และ LEAN แบบโหดๆ ก็ทำได้ครับ แล้วจำเป็นต้องมีช่วง BULK VS LEAN ไหม จริงๆแล้ว ข้อนี้แล้วแต่คนถนัด แต่สำหรับการ BULK คำคำนี้ ไม่ได้มีใครกำหนดไว้ (ลองไป search ใน dictionary ดู) ว่า BULK แปลว่าการเพิ่ม “เร็วแค่ไหน” ซึ่งก็เป็นเรื่องขอเวลาเช่นเคย ถ้า BULK 10 โลภายใน 1 เดือน

Girl’s Workout 101: เจาะลึกพื้นฐานท่ากระชับ ก้น ท้อง แขน ไม่มีประสปการณ์ก็ทำตามได้!

ผมเชื่อว่ายุคนี้ เป็นยุคที่ผู้หญิงหันมาเริ่มออกกำลังกายมากขึ้นแต่หลายคนยังมีปัญหาเช่น ไม่รู้จะเริ่มท่าอะไร และท่าที่เค้าบอกว่าง่าย เช่น Squat Plank Push Up ลองทำแล้วยังรู้สึกว่ายากอยู่ดี (เล่นแล้วเจ็บเข่า ปวดหลัง งงไปหมด วิดพื้นก็ดันไม่ขึ้น) วันนี้เรามาสอนกันตั้งแต่นับ 0 เลยครับ บทความนี้คนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย สอนละเอียดมากๆ และคนที่เคยออกกำลังกายแล้ว ควรอ่าน จะได้นำไปสอนเพื่อนต่อได้ และเข้าใจการทำงานของร่างกายมนุษย์มากขึ้นครับ สารบัญ เริ่มกระชับก้น เอว ขา ด้วย 3 ท่าง่ายสุดๆ ปลอดภัยมาก เริ่มกระชับอก ไหล่ แก้แขนย้วย ด้วย 3 Steps ที่จะทำให้วิดพื้นเป็น ลดไขมันด้วยการทำ Circuit Training แบบง่ายสุดๆ ปัญหาหลักๆที่คนมักเจอนั้น เกิดขึ้นจากการที่ไม่มีใครสอน BASIC แบบเบสิคสุดๆ เพราะหลายๆคนมักจะคิดว่า Squat นี่ก็ Basic แล้วนะ แต่จริงๆมันมีเบสิคกว่านั้น ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานการเคลื่อนไหวที่ง่ายและปลอดภัยมากครับ วันนี้เราเอาท่าหลักๆสำหรับ 3 ส่วน 3 ท่า คือ Hip Hinge > Pelvic Tilt > Squat เราจะเริ่มจากการฝึกบังคับการทำงานของช่วงเอวก่อน และตามด้วยการฝึกเกร็งก้น และกล้ามท้อง จากนั้นค่อยฝึกย่อตัวด้วยการ Squat ซึ่งทั้งหมดแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนครับ *** ขอรูปจาก link สอนท่าของพี่ฟ้าครับ Wave Push Up > Female Push Up > Push Up (แบบผู้ชาย) ท่านี้ แน่นอนว่าผู้หญิงเกินครึ่ง อาจจะทำแล้วดันตัวเองไม่ขึ้น และก็ท้อ นี่เลย ท่า Wave Push Up เป็นการผสมท่าโยคะทำให้วิดพื้นง่ายขึ้น

เล่นเวทให้โดน ให้โต ต้องเจ็บไหม? No pain can gain?

เคยมั้ย เวทแล้วปวด เดินไม่ได้ ไปหาหมอ หมอบอกกล้ามเนื้ออักเสบ วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องนี้กันว่า สรุปแล้ว เล่นเวท ต้องเจ็บไหม ถ้าไม่เจ็บ กล้ามขึ้นหรือป่าว สำหรับ serious workout ตอนที่ 17 เรามาตอบคำถามเหล่านี้กันครับ เวทแล้วปวด เกิดขึ้นจากอะไร ปวดแปลว่ากล้ามจะใหญ่ขึ้นจริงไหม กล้ามใหญ่เพราะอะไร ปวดแล้วทำไงดี แล้วทำยังไงไม่ให้ปวด พร้อมแล้วเข้าไปดูได้ที่นี่ครับ สำหรับใครที่ดูจบแล้ว อยากได้ Reference หรือคำแปลศัพท์ที่อยู่ในรายการก็ตามนี้เลยครับ DOMS (delayed onset muscle soreness) แปลว่าอาการปวดของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้น “หลัง” จากการเวทครับ จะต่างกับอาการแสบๆคันหรือที่เกิดขึ้น “ระหว่าง” ที่เรายกเวทนะ (อันนั้นคืออาการแสบเพราะร่างกายมี Lactic acid อันนี้ถ้าใครอยากรู้เม้นถามมาใน facebook ได้ เดี๋ยวจะทำรายการลงลึกให้ครับ) Eccentric Contraction: คือช่วงที่เราต้านน้ำหนักลง เช่นเวลายกดัมเบลขึ้น เรียกว่า concentric ส่วนตอนต้านลงเรียกว่า eccentric ซึ่งยิ่งมีน้ำหนักเยอะ และต้านช้าๆเท่าไหร่ห็จะ doms มากเท่านั้น Intensity: ความเข้มข้นในการฝึก ส่วนใหญ่การฝึกยิ่งพักน้อย ใช้น้ำหนักเยอะ และมีสมาธิในการฝึกมาก = เข้มข้น เปรียยเทียบง่ายๆ ระหว่าง 1. เดินเร็ว 1 ชั่วโมง = ไม่เข้มข้น 2. วิ่งเร็วมากๆ 30 นาที = เข้มข้น Overload: น้ำหนักที่มากกว่าที่เรารับไหว Progressive Overload: การใส่น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น เช่น เดือนนี้เล่นได้ 10kg เดือนหน้าเพิ่มเป็น 11kg ในเวลา 1 ปีอาจจะยกได้ 18kg เป็นการค่อยๆ พัฒนาน้ำหนักเวทที่ใช้ให้หนักขึ้นเพื่อที่กล้ามเนื้อจะได้มีการ overload ตลอด *แต่ว่าอย่า focus

ช่วงสิ้นปี กินยังไงไม่ให้อ้วน 4 เทคนิคง่ายๆ ช่วยให้มีความสุข

Christmas ปีใหม่ ช่วงวันหยุด ควรเคร่งคุมอาหารต่อไหม หรือ กินๆไปเถอะ? โค้งสุดท้ายของปีนี้แล้ว วันนี้อยากเขียนบทความแนะนำทุกคนเพื่อที่เราจะได้ “หลุดโค้ง” อย่างปลอดภัยครับ แน่นอนว่าช่วงปีใหม่นี้ ทุกคนมีปาร์ตี้ มีแผนไปเที่ยว (หรือนอนอยู่กับบ้าน กินๆนอนๆ เหมือนผม) ซึ่งถึงใครจะบอกว่า “ปีใหม่อย่ากินเยอะนะ”ผมว่า 99% ไม่มีใครทำตาม เพราะการกินของอร่อย ทำให้ชีวิตมีความสุข และสิ้นปีแล้ว ใครๆก็อยากหาความสุขใส่ตัวเป็นรางวัล ดังนั้น แทนที่จะห้ามไม่ให้ทุกคนกิน เรามาเรียนรู้การกินช่วงปีใหม่กันดีกว่า อันดับแรก ก่อนเริ่ม หากใครที่มีเป้าหมายลดไขมัน และกำลังอยู่ในช่วงลดอยู่ และกำลังไปได้สวย ผมแนะนำว่าช่วงนี้ก็ “หลุด” อย่างตั้งใจและมีสติ เข้าสังคม กินข้าวกับเพื่อน ครอบครัว เพื่อจะได้รู้สึกเป็นผู้เป็นคนกับเค้าบ้าง แล้วกลับมาทำตามเป้าหมายต่อ ส่วนใครที่ไม่ได้ทำอะไรอยู่ คือรอลดไขมันหลังปีใหม่ ช่วงนี้ให้คิดซะว่ากินได้ แต่ก็ต้องมีสติเช่นกัน เพราะถ้ากินแหลกแล้วปล่อยให้ตัวเองอ้วน หลังปีใหม่ก็ยิ่งต้องลดยาก เหนื่อยมากขึ้นนะ สำหรับเทคนิควันนี้ มีไม่กี่ข้อเอง มาดูกันครับ จะได้กินอร่อย อย่างมีสติ และเป็นระบบ จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดว่าช่วงปีใหม่จะอ้วนครับ 1. วางแผนการกินให้ดี แล้วจะไม่เรียกว่า ‘หลุด’– คิดก่อนเลยว่าอยากกินอะไร แล้วมื้อ เช้า กลางวัน ให้กิน Protein (แนะนำไข่ขาว และเนื้อสัตว์ กับผัก)ให้เยอะไว้ก่อน พอตกเย็น เหลือแคลสัก 1000 ก็จัดเต็มการที่เราคิด และรู้ล่วงหน้าว่าเราจะอยู่ที่ไหน กินอะไร เมื่อไหร่ ช่วยได้มากทีเดียวถ้ารู้ตัวว่าไปที่ที่ไม่มีโปรตีน / อาหารดีๆกิน ก็พกไข่ต้ม พก whey ไปเอง ไม่ยากเลย 2. ทำตัวเองให้ active ไม่จำเป็นต้องไปยิมก็ได้ เพราะถ้าผมไปเที่ยว ก็ไม่เข้ายิมเหมือนกัน (แต่ปีนี้ผมอยู่กทม ยิมอย่างโล่ง! ชอบมากเลย) หากเราไปเที่ยว เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้พักผ่อนร่างกายดังนั้น พักผ่อนให้เต็มที่! แต่การทำตัวให้ Active นั้นเราสามารถทำไ้ด้ง่ายๆโดยไม่ต้องเข้ายิม แต่เป็นการทำกิจกรรมในแตละวันให้มากขึ้น มีอยู่ปีนึงผมอยู่ที่กทม.

ปีใหม่คนใหม่ … ตั้งเป้ายังไงไม่ให้ซ้ำรอยเดิมๆ

พอถึงช่วงปีใหม่ เปิด Social ไหนก็จะเจอแต่ “ปีใหม่นี้ต้องผอม” “ปีใหม่คนใหม่” “เป้าหมายปีใหม่” และ New year’s resolution อีกมากมายซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราย้อนไปปีก่อนๆ ก็พูดเหมือนเดิมนี่แหละ ดังนั้นวันนี้เรามาดูกัน ว่าจะตั้งเป้าหมายยังไง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องตั้งเป้าซ้ำอีกปีหน้า เรื่องมันมีอยู่ว่า เวลาต้นปี เรามักจะตั้งเป้าหมายกันใหญ่โต แต่ลืมไปว่าการตั้งเป้าหมายระยะเวลา 1 ปีนั้น มีจุดด้อยหลายอย่าง มันนานมาก จนไม่กี่เดือนผ่านไป เราก็ลืมแล้ว มันนานมาก จนท้อ เพราะไม่ได้ผลสักที มันนานมาก จนเราคิดว่า ปีหน้าก็เอาใหม่ก็ได้ เป้าหมายมันใหญ่ไป (เพราะเวลาเยอะ) ทำให้เห็นผลช้าเกินไป ด้วยความที่ตั้งกันทุกปี เวลา fail ก็คิดว่า “ไม่เป็นไร ช่างแมร่ง ปีหน้าเอาใหม่ ตอนนี้ไหนๆก็พลาดและ ขอกินก่อน” ภาคทฤษฎีวันนี้ขอนำเสนอทฤษฎีง่ายๆ ไม่กี่ข้อครับ SMART GOAL ตั้งเป้าหมายยังไง ให้ฉลาด อธิบายได้ง่ายๆ 5 ข้อ ส่วนใครอยากรู้ละเอียดๆ เข้าไปดูในรายการได้ Sustainable – แปลว่า สามารถทำต่อเนื่องได้ Measurable – แปลว่า วัดผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน Attainable – แปลว่า สามารถทำได้ (ไม่ใช่ตั้งเป้าว่าอยากบินได้ หรือปล่อยพลังได้ อันนี้เว่อไป) Relevant – แปลว่า เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราต้องการ เช่น อยากกล้ามใหญ่ แต่ดันตั้งเป้าว่าต้องวิ่งมาราธอน 42กิโล Time Bound – แปลว่า ต้องมีเวลากำหนดชัดเจน มี Time Frame เปลี่ยนเป้าหมาย! จากที่เคยตั้งเป้าหายว่า ปีนี้จะผอม เปลี่ยนเป็น > เดือนนี้จะออกกำลังให้ได้กี่วัน > เดือนนี้ฉันจะกินอาหารเท่าไหร่ > เดือนนี้ฉันจะลดไขมัน X กิโล ปีนี้่จะเพิ่มกล้าม

Cardio ตอนท้องว่างเผาผลาญไขมันได้มากกว่าจริงหรือ ?

เคยมั้ย อยากลดไขมัน เลยต้องตื่นมาวิ่งแต่เช้า ก่อนกินข้าวเช้า เพราะเคยได้ยินมาว่าการวิ่งตอนท้องว่าง ร่างกายเผาผลาญได้ดีกว่า วันนี้เราให้นักวิทยาศาสตร์การกีฬา เอาหลักฐานจากงานวิจัยมาให้ดูกันชัดๆ ว่าสรุปแล้ว มัน Burn มากกว่ากินจริงหรือเปล่า? ท้ายบทมีคำแปลคำศัพท์ให้เป็นภาษาบ้านๆแล้ว! ถ้าใครอ่านๆไปแล้วเกิดงง เลื่อนลงไปดูได้เลยครับ เราอาจเคยได้ยิน ทฤษฎีที่ว่า หากเราคาดิโอตอนท้องว่าง จะสามารถเบิร์นไขมันออกไปได้มากกว่า ? เหตุผลที่เค้าว่ากันก็เพราะว่า “เฮ้ยก็ยังไม่กินอะไร ร่างกายก็ได้ใช้ไขมันของเก่าไปก่อนไง ง่ายจะตาย common sense” ซึ่งมีงานวิจัยหลายฉบับได้พบว่า เมื่อเราคาดิโอตอนเช้าในขณะที่ท้องว่าง เราจะเผาผลาญไขมันเพิ่มขึ้น 20% กล่าวคือ ตอนกลางคืนขณะที่เราหลับ น้ำตาลในเลือดลดต่ำลง ร่างกายจะเก็บไกลโคเจนที่เหลือเพียงน้อยนิดไว้ และเปลี่ยนไปใช้ไขมันมากขึ้น แต่ที่มากกว่านั้น ร่างกายก็จะสลายโปรตีนในร่างกายมาใช้ด้วย นั่นก็คือกล้ามเนื้อที่เราเฝ้าฟูมฟักมาหลายเดือนหรือหลายปี คงไม่ดีหนักหาก เป้าหมายในขณะนั้นของเราคือการเพิ่มกล้ามเนื้อ หรือรักษามวลกล้ามเนื้อไว้ให้ดีที่สุด ประโยชน์ของการคาดิโอตอนท้องว่าง การออกกำลังกายตอนท้องว่าง มีข้อดีคือเพิ่มการใช้ไขมันเป็นพลังงาน หรือ fat utilization เพียงเล็กน้อย ที่ความหนักต่ำๆ (Fat utilization คือการสลาย Triglycerides ให้เป็น Fatty acid ให้ร่างกายนำไปใช้ ) 1.เพราะถ้าใช้ความหนักสูงขึ้น แหล่งพลังงานหลักคือ คาร์โบไฮเดรต แต่ร่างกายขาดคาร์โบไฮเดรต นั้นยิ่งทำให้ต้องสลายโปรตีน(กล้ามเนื้อ)ออกมามากขึ้น 2.ความหนักสูงขึ้น ร่างกายก็สลาย fatty acid ออกมามากขึ้นก็จริงในขณะคาดิโอตอนท้องว่าง แต่ !! อัตราการสลายนั้นมากกว่า ความสามารถที่ร่างกายจะใช้ได้ พูดง่ายๆก็คือ เราจะมีปริมาณ fatty acid มาล่องลอยอยู่ในเลือดเราอย่างมากมาย แต่ร่างกายเอาไปใช้ไม่ได้ และในที่สุด fatty acid เหล่านี้ ก็จะถูกกลับไปเก็บเป็นไขมันสะสมอีกครั้ง หลังออกกำลังกาย แต่! จากงานวิจัยของ Horowitz and colleagues พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ออกกำลังกายที่ความหนักต่ำๆ 50% ของ อัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในการใช้ไขมัน โดยไม่คำนึงว่ากลุ่มตัวอย่างนั้นจะท้องว่างหรือไม่ ผลการวิจัยนี้ ยังบอกว่า”หลัง 90

Diet VS Exercise ลดไขมันวิธีไหน ดีที่สุด

VERSION: Audio Book / Video รับชมที่นี่ สรุปแล้วออกกำลังกาย หรือคุมอาหาร ทำอย่างใดอย่างหนึ่งได้ไหม? หากว่าคุณเคยคิดจะลดความอ้วน หรือฟิตหุ่น แน่นอนว่าบางคนอาจจะมีความถนัดต่างกัน บางคนสามารถคุมอาหารได้ แต่อาจจะไม่ชอบออกกำลัง ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องนี้กันครับว่า วิธีไหน ยังไงดีที่สุด ยั่งยืน และปลอดภัยที่สุดครับ ข้อดีข้อเสียที่ต่างกัน ข้อดีของการคุมอาหารหลักๆคือ ทำให้เราได้รับพลังงานไม่มากเกินไป ทำให้ไม่สะสมไขมันเพิ่ม และสามารถลดไขมันได้ หากดูแลสารอาหาร ให้ครบถ้วน ก็จะสามารถเพิ่ม หรือรักษามวลกล้ามเนื้อไว้ได้ ป้องกันปัญหาโรคแทรกซ้อน เช่นไขมันในเส้นเลือด หรือเบาหวานได้โดยตรง และหากได้รับอาหารครบทุกหมู่ ก็มีสุขภาพโดยรวมแข็งแรง แต่การคุมอาหาร ไม่สามารถช่วยให้เราได้สิ่งเหล่านี้ คุมอาหาร ไม่ได้ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น ต้องออกกำลังกาย Cardio คุมอาหาร ไม่ได้ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ต้องออกกำลังกายแบบ Resistance Training คุมอาหาร ไม่ได้ทำให้ข้อต่อยืดหยุ่นขึ้น ต้องมีการยืดกล้ามเนื้อ คุมอาหารไม่ได้ทำให้ Posture ดีขึ้น ถ้าคุมอาหารอย่างเดียวเกิดอะไรขึ้น High Carbs Low Fat คือการคุมอาหารแบบลดปริมาณการกินไขมัน กินคาร์โบไฮเดรตสูง การคุมอาหารแบบนี้ ช่วยลดปริมาณไขมันในร่างกายลง แต่กล้ามเนื้อก็จะลดลงไปด้วย แต่ถ้าคาร์โบไฮเดรตที่กินเข้าไปเป็น Simple Carbs หรือ High glycemic food เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว อาหารที่มีน้ำตาลสูง ก็จะยื่งทำให้ไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้น High Protein diet หรือการคุมอาหารแบบกินโปรตีนปริมาณสูงๆ สามารถลดไขมันในร่างกายได้เช่นกัน แต่ในขณะเดียวกัน อัตราการเผาผลาญพลังงานพื้นฐาน (Resting Metabolic Rate) และกล้ามเนื้อก็ลดลงด้วย เนื่องจากขาดสารอาหารชนิดอื่นๆมาเป็นพลังงานให้กล้ามเนื้อ Low Carbs High Fat หรือการคุมอาหารแบบกินแป้งน้อย ไขมันเยอะ ทำให้ไขมันลดลงได้เช่นเดียวกัน แต่เหมาะกับผู้ที่มีความต้องการใช้พลังงานขณะนั้นต่ำ (เช่นคนที่ไม่ได้ Active ออกกำลังกาย) เนื่องจากแป้งเป็นสารอาหารที่กล้ามเนื้อต้องนำไปใช้ การคุมอาหารอย่างเดียว ช่วงแรกน้ำหนักหรือไขมันก็อาจจะลดลงได้ครับ แต่ในที่สุดก็จะตัน

กล้ามไม่แข็ง: ทำไงดี? ปกติกล้ามควรแข็งไหม

“กล้ามไม่แข็ง เพราะอะไร คนเราปกติควรกล้ามแข็งไหม?” ปัญหาคาใจเพื่อนๆหลายคนคือ รู้สึกว่าทำไมตัวเราเหลวจัง และ ทำไมดูรูปนายแบบ นางแบบ กล้ามเค้าดูแข็ง ดูแน่นไปหมด เราจะทำได้แบบนั้นบ้างไหม? ซึ่ง 5 ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้กล้าม “ดู” แข็ง คือ ไขมันใต้ผิวหนังน้อยหนังบางก็เห็นกล้ามชัด กล้ามมีสารอาหาร + น้ำ เต็มถัง! กล้ามมีเลือด Pump (บรรทัดต่อไปเลย) กล้ามเกิดการเกร็ง มีการบวมน้ำใต้ผิวหนังน้อย กล้ามคนเราก็เหมือนอวัยวะเพศชายครับ มีแข็ง มีอ่อน เพราะข้างในกล้ามเนื้อนั้น มีทั้งเลือด มีทั้งสารอาหาร เรียกว่า Glycogen หรือแป้ง ซึ่งต่อ Glycogen 1 g. จะมีน้ำอยู่ด้วยประมาณ 3 กรัม เวลาที่เราเล่นเวทเสร็จใหม่ๆ สังเกตุดูว่ากล้ามจะแข็งๆ พองๆ นั่นเป็นเพราะว่าทั้งเลือด และสารอาหาร เกิดการไหลเวียนในกล้ามเนื้อนั่นเอง ดังนั้นปัจจัยที่สำคัญต่อการ “ดู” เหมือนกล้ามจะแข็งหลักๆคือต้องมีไขมันในร่างกายต่ำและดูเรื่องสารอาหารครับ (มีทางแก้ 5 ข้อนี้ อ่านต่อที่นี่ http://www.fitjunctions.ga/bloating/) ดูรูปประกอบเป็นตัวอย่าง ของผมรูปนี้กว่าจะถ่ายออกมาได้นี่ทั้งต้องเกร็ง ต้องเตรียมตัวลดไขมัน รีดน้ำในตัว มากมาย เตรียมตัวกันเกือบครึ่งปี เพื่อให้ 5 ข้อที่พูดถึงมานั้น ทำได้ครบ ผลก็คือ รูปออกมา “ดูเหมือน” กล้ามแข็งนั่นเอง สำหรับแนวทางการทำให้กล้ามดูแข็งขึ้นนั้น มาดูกันทีละข้อ ไขมันใต้ผิวหนังน้อย = ต้องมีการคุมอาหาร Cardio เพื่อลดไขมันทั้งตัว ดูบทความนี้ http://www.fitjunctions.ga/howbodyburnsfat กล้ามมีสารอาหาร คือต้องกินแป้งให้เพียงพอ ดูบทความนี้ http://www.fitjunctions.ga/carbs กล้ามมีเลือด ข้อนี้มาจากการฝึกซ้อม และจะไม่ได้อยู่กับเรา 24 ชั่วโมงครับ เล่นเวทเสร็จ นั่นแหละคือเวลาที่เราพร้อมถ่ายรูป (หรือพร้อมโชว์หุ่น) กล้ามเกิดการเกร็ง ข้อนี้ไม่แนะนำให้ไปเกร็งร่างกายตลอดเวลานะ ปล่อยไป เอาไว้เกร็งตอนถ่ายรูปพอ มีการบวมน้ำใต้ผิวหนังน้อย ดูบทความนี้

Anatomy : กล้ามหลังที่ใช้ในการดึงข้อ

“ดึงข้อ Pull Up / Chin Up ใช้กล้ามเนื้ออะไร ตอนไหน… อธิบายให้เห็นภาพด้วยรูปประกอบ และมีแบบทดสอบให้ลองทำเล่นที่บ้าน” เคยสงสัยมั้ยครับว่าเวลาเราเล่นท่าดึงข้อ หรือพวก Lat Pulldown ทำไมบางครั้งมัน Focus ยากจัง นั่นก็เป็นเพราะว่ากล้ามเนื้อมันหลายมัดมากๆ และเราไม่เข้าใจว่าแต่ละมัดทำงานอย่างไรนั่นเอง บทความนี้ จะขอเจาะแค่โจทย์สำหรับท่า Pull Up / Chin Up เท่านั้นจะไม่เจาะท่า Rows / Cable Rows นะครับ เพื่อให้กระชับ ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า Pull Up นั้นคืออะไร หากให้แปลเป็นภาษาไทยนั้น การดึงข้อประกอบไปด้วยการเคลื่อนไหวหลักๆดังนี้ Shoulder Extension: การดันแขนไปด้านหลังลำตัว Shoulder Adduction: การหุบแขน หุบศอก เข้ามาแนบลำตัว Scapular Retraction + Depression: การดึงสะบักเข้าหากัน และกดสะบักไม่ให้ลอย Shoulder Internal / External Rotation: การหมุนกระดูกแขน เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เรามาจับ คลำ และทำตามกันเลย! Scapular Retraction + Depression Function นี้สำคัญมากครับ นักเรียนหลายคนที่ดึงข้อแล้วมีปัญหาคือตัวงอ หรือดึงแล้วโดนแต่กล้ามแขน ไม่โดนกล้ามหลังเลย มีปัญหาตรงนี้ เพราะกล้ามเนื้อ Rhomboids ไม่แข็งแรง หน้าที่ของ Rhomboids ทำการ “ยึด” สะบักเราเอาไว้เพื่อให้สะบักเคลื่อนออกจากกัน ผลที่ได้คือเราสามารถออกแรงได้เต็มที่ เหมือนเวลาเรากระโดด การกระโดดจากพื้นแข็ง จะกระโดดได้สูงกว่าการกระโดดบนพื้นนิ่ม สิ่งนี้เรียกว่า Scapular Stability หรือการสร้างความมั่นคงของสะบักนั่นเอง! ซึ่งเกิดขึ้นมาจากการดึงสะบักเข้าหากันเรียกว่า Retraction ถ้าอยากรู้ว่า Retraction ทำงานยังไง ให้ลองนอนคว่ำ แล้วเอามือข้างนึงไปแตะตรง Rhomboids จุดในรูป แล้วกางแขนออกเหมือนนกจะบิน

3 ปัญหา ของคนอยากเริ่มฟิต

คนอยากหุ่นดี มักเจอปัญหาง่ายๆ 3 ข้อ วันนี้ขอนำมาเล่า โดยผ่านสุภาษิตที่คนไทยคุ้นเคยกันอยู่แล้วครับ อ่านต่อเลย!   1. กบเลือกนาย: เห่อสูตรนั้นสูตรนี้ แต่สุดท้าย ทำไม่จบสักสูตร 2. ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด: อ่านเยอะ สงสัยเยอะ แต่ไม่เริ่มเสียที 3. ขี่ช้างจับตั๊กแตน: เคร่งเว่อร์ เพื่อผลลัพธ์ที่ไม่คุ้ม และท้อภายหลัง   แต่ละข้อ ผมเคยเป็นมาแล้วทั้งนั้น วันนี้มาดูกันเลยครับ ว่าแต่ละอย่างเป็นอย่างไรและแก้ไขอย่างไร 1. กบเลือกนาย ดูสูตรไดเอ็ทในเน็ต เห็นว่าเค้าลดได้เยอะ ลองทำดูบ้าง ทำได้ 2 อาทิตย์รู้สึกว่าไม่เห็นได้ผล เลยลองเปลี่ยนสูตร พอลองอันใหม่ เห้ยได้ผล! แต่ทำไปสักพัก มีอีกสูตรท่าทางจะง่ายกว่า ก็ไปลอง ลองไป 10 กว่าสูตร เริ่มรู้สึกว่ายุ่งยาก พอเลิกเห่อ ก็ไม่ได้ทำต่อ รู้งี้ ลองทำสูตรแรกต่อให้ครบสัก 2-3 เดือน จะได้รู้ว่ามันดีไม่ดี… น่าจะเวิร์คกว่า   ประสบการณ์ตรงของผม ย้อนเวลากลับไป 14 ปีที่แล้ว ผมเป็นเด็กเนิร์ดผอมๆที่มีพุงมีนม (skinny fat) แต่ไม่เคยเล่นกีฬาเลย เหตุผลที่เริ่มเล่นกีฬา ไม่ได้อยากหุ่นดี แต่แค่ไม่อยากโดนแกล้ง จึงเริ่มเล่นยูโดเล่นยูโดได้ 1-2 เดือน รู้สึกว่าทำไมยังสู้เพื่อนไม่ได้ ก็ไปเล่นคาราเต้ แต่ด้วยความที่มันยาก ก็ไปเล่นกังฟู พอเล่นได้ 1-2 เดือน ก็ยังสู้ใครไม่ได้อยู่ดี จึงโดนอาจารย์ด่า ว่าถ้าจะเล่นมันซะทุกอย่าง อย่างละนิด แต่ไม่ตั้งใจ ให้เวลาสักอย่าง เมื่อไหร่จะสู้ใครเขาได้   พอเจอคำนี้เข้าไป จึงเปลี่ยนทัศนะคติของตัวเองครั้งใหญ่ ทำให้เลิกจับจด และฝึกซ้อมเพียงอย่างเดียว แต่เอาจริงเอาจัง ซึ่งตอนนั้นสิ่งที่ทำคือเริ่มยกเวท และเล่นกังฟู อย่างค่อนข้างจริงจัง ผลที่ได้ ไม่ได้เกิดชั่วข้ามคืน แต่ค่อยๆเกิด จาก 3-4 เดือนที่เห็นความแตกต่างครั้งแรก