Category: Exercise

งานยุ่งจนไม่มีเวลาออกกำลังกาย ทำไงดี

คำถามที่ผมเจอบ่อยๆ คือหากงานยุ่ง ควรออกกำลังกายไหม ออกยังไง วันนี้ขอตอบให้สั้นๆสรุปให้ดังนี้ครับ งานยุ่ง มาดูกัน case by case ถ้างานเยอะ =  จนไม่มีเวลานอน เหนื่อยมากๆ ไม่ต้องออกก็ได้ครับ แต่ใช้การชดเชยไปอีกวันแทน ถ้าเครียดเรื่องชีวิตมากๆ (แต่มีเวลาไปยิม) = ไม่ต้องเล่นเวทหนักมาก (เพราะเล่นเวทหนักๆใช้งานระบบประสาทสูง เล่นเบาๆ 15 reps ก็ได้) และเน้นยืดกล้ามเนื้อ ถ้ายุ่ง แต่ยังพอมีเวลาพักผ่อน = ออกกำลังกายได้ ไม่มีปัญหา ขอแค่มีเวลานอน กิน เพียงพอ ถ้าป่วย เป็นไข้ = ไม่ควรออกกำลัง ถ้าเป็นหวัด = ออกได้ เบาๆ เล่นเวทได้ แต่ระวังจะเอาไปติดคนอื่น ถ้าบาดเจ็บ = พัก พัก พัก และ พัก! เริ่มออกกำลังกายยังไงดี? ถ้าแรงเหลือ เวลาเหลือ = ออกตามปกติเลย ถ้าแรงเหลือ เวลาไม่เหลือ = ทำ Circuit Training หรือ วิ่ง Sprint เร็วๆ (จบภายใน 15 นาที) ถ้าแรงไม่เหลือ แต่เวลาเหลือ = เดินสัก 30-45 นาที แล้วยืดกล้ามเนื้อ 20-30 นาที จะดีมากๆ ถ้าแรงไม่เหลือ เวลาไม่เหลือ = ยืดกล้ามเนื้อ เช้า กลางวัน เย็น รอบละ 3-5 นาที ให้ได้ขยับตัวบ้าง “ถาม: ถ้าป่วย หรือยุ่ง แล้วต้องชดเชยการออกกำลัง ทำยังไงดี?” 1. ผมเล่นเวทในจันทร์ 4 ท่า

How to Stay Active ไม่มีเวลา Cardio ทำอย่างไร

เชื่อไหม ว่าจริงๆแล้วปัญหาความอ้วนนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการกินอย่างเดียว แต่มันมักจะมาคู่กันกับการที่เราไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย หรือ ไม่ Active ทำให้เราเผาผลาญพลังงานน้อยกว่าที่ใช้ ซึ่งความอ้วนนั้น เกิดมาจากสาเหตุง่ายๆ คือ: พลังงานที่เราได้รับ มากกว่าพลังงานที่เราใช้ออกไป ถึงแม้ว่าอาจจะดูง่ายๆไม่ซับซ้อน (ก็แค่ไม่ต้องกินข้าว ก็ผอมแล้วปะ?) จริงๆแล้วมีเคสพิเศษอีกนะครับ นาย A: อยากผอม เลยอดข้าว แต่ไม่ยอมออกกำลัง = ทำให้ระบบเผาผลาญเสีย ทำให้ไม่ผอมสักที ทั้งๆที่ได้รับพลังงานน้อย (เพราะร่างกายใช้พลังงานน้อย) นาย B: อยากผอม เลยวิ่งทุกวัน วันละ 2 ชั่วโมง และกินแต่ผลไม้ทั้งวัน ไม่ยอมกินอาหารปกติ = ขาดสารอาหาร ทำให้เสียกล้ามเนื้อ แรกๆอาจจะผอมเร็ว แต่ในระยะยาวร่างกายจะเผาผลาญน้อยลงเรื่อยๆเพราะกล้ามเนื้อหาย ทั้ง A และ B จะกลายเป็นคนที่ อ้วน แต่ผอม หรือที่เรียกกันว่า Skinny Fat นั่นเองครับ สำหรับวันนี้ เราจะมาพูดถึงเทคนิคในการทำให้เรา “ใช้พลังงานมากขึ้น” โดยที่ไม่ต้องไปทำ Cardio เพิ่มครับ 1. ทำชีวิตให้ Active! คำว่า Active Lifestyle นั้น แบ่งได้หลักๆดังนี้ แบบที่ 1. คือคนที่ active ด้วยงานการที่ทำ หรือกิจกรรมระหว่างวัน มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เล่น อาชีพครูที่ต้องยืนสอนหนังสือ กรรมกรที่ต้องแบกหาม หรือทหารที่ต้องเดินวิ่งและเคลื่อนไหวทั้งวัน ซึ่งแต่ละวัน คนกลุ่มนี้จะเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าคนที่นั่งเฉยๆค่อนข้างมาก (แล้วแต่กิจกรรม) แบบที่ 2. คือคนที่ active ด้วยกิจกรรมกีฬา หรือการออกกำลังกาย เช่น ออกกำลังอาทิตย์ละ 5 วัน ด้วยการเล่นเวท และอาจจะมีการ cardio บ้าง ตามประสาคนไปฟิตเนส แบบที่ 3. คือคนที่ใช้ชีวิตแบบ Active

ปีใหม่ กินอร่อย ไม่อ้วน ทำยังไง?

“ปีใหม่ ไม่ต้องกลัวอ้วน กินๆไปเถอะ” ปีใหม่ทั้งที ผมรู้ว่าใคร ๆ ก็ต้องกินเยอะและอยาก Party อยู่แล้ว และเชื่อสิ ถึงใครจะเขียนบทความมาบอกว่า “ปีใหม่อย่ากินเยอะนะ”ผมว่า 99% ไม่มีใครทำตาม เพราะการกินของอร่อย ทำให้ชีวิตมีความสุข แต่อยากให้จำข้อหลักๆ 3 – 4 ข้อจะได้กินอร่อย อย่างมีสติ และเป็นระบบ จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดว่าปีใหม่แล้วเราจะอ้วนครับ 1. วางแผนการกินให้ดี แล้วจะไม่เรียกว่า ‘หลุด’ – คิดก่อนเลยว่าอยากกินอะไร แล้วมื้อ เช้า กลางวัน ให้เน้นไปที่ลีนโปรตีน Lean Protein (แนะนำไข่ขาว และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน) กับผักสดครับ พอตกเย็น เราก็จะมีแคลอรี่เหลือสัก 1000 แคลอรี่ ก็สามารถจัดเต็มได้เลย ไม่อ้วนด้วย!!!การที่เราคิด และรู้ล่วงหน้าว่าเราจะอยู่ที่ไหน กินอะไร เมื่อไหร่ ช่วยได้มากทีเดียว Tips : ถ้ารู้ตัวว่าไปที่ที่ไม่มีโปรตีน / อาหารดีๆกิน ก็พกไข่ต้ม พก whey ไปเอง ไม่ยากเลย 2. ทำตัวเองให้ active ไม่ได้บอกให้ต้องไปยิมนะ! เพราะเวลาผมไปเที่ยว ก็ไม่เข้ายิมเหมือนกัน ปีใหม่ ยิมที่ไหนๆหลายที่คงจะปิด แล้วการไปเที่ยว เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้พักผ่อนร่างกาย ดังนั้น พักผ่อนให้เต็มที่! แต่การทำตัวให้ Active นั้นเราสามารถทำไ้ด้ง่ายๆโดยไม่ต้องเข้ายิม แต่เป็นการทำกิจกรรมในแต่ละวันให้มากขึ้น ให้ตัวอย่างง่ายๆดีกว่า: การเดินประมาณ 1 ชั่วโมงที่ความเร็ว 5km/h โดยเฉลี่ยแล้วใช้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ (อาจจะบวกลบ หรือมากน้อยขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวและความเร็ว จริงๆ แล้วถ้าเดินถือของไปด้วย จะเบิร์นได้มากกว่านี้อีก) มีทริปปีใหม่ครั้งหนึ่งที่ผมไปเชียงราย เลือกที่จะไม่ขับรถเที่ยวในเมือง แต่เดินเที่ยวรอบเมือง เพราะอากาศดีมากๆ (หยั่งกะญี่ปุ่น!) สรุปเดินรวมๆ กันวันละ 3 ชั่วโมง + ตีไปเลย

ผอมมากอยากล่ำทำไงดี!? เรื่องเล่าชีวิตจริง ของคนเคยผอม

สวัสดีครับ บทความวันนี้เราจะมาพูดถึงคนที่แปลงร่างตัวเอง จากเด็กผอม ๆ มาเป็นคนหุ่นดี กล้ามเยอะ บ้าพลังได้ยังไงให้ฟังกัน จะได้เป็นแรงบันดาลใจให้คนที่อ่านบทความนี้ครับ เกริ่นนิดนึง ว่าผมเริ่มออกกำลังกายตอนอายุ 16 (ก่อนหน้านั้นไม่เคยออกอะไรเลย) และผ่านมาหลากหลายจุดในชีวิต ที่มีความสนใจต่างๆกัน แต่ที่บอกได้เลยว่าเคยผ่านมาแน่ๆคือ “ผอม แต่มีพุง” หรือหุ่นแบบ Skinny Fat ครับ ปี 2003-4 : ช่วงเวลาแห่งความสับสนของวัยรุ่น นึกภาพเด็กคนนึง เกิดมาไม่เคยออกกำลังกาย เรียนไวโอลิน ตั้งแต่ 7 ขวบ และเล่นเปียโน วันๆ อ่านหนังสือ อ่านการ์ตูน เล่นเกมส์ ที่บ้านไม่ได้สนับสนุนเรื่องกีฬา อยู่มาวันหนึ่ง เริ่มรู้ตัวว่าการเป็นคนผอมในสังคมวัยรุ่นนั้นโดนกลั่นแกล้งเอาได้ง่ายๆ ทั้งโดนข่ม โดนแกล้ง โดนล้อ โดยที่เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย สิ่งที่ผมทำในวันนั้นคือ… ผมซื้อดัมเบล 6 กิโลมาคู่หนึ่ง และเล่น Dumbell Curl วันละ 100 ครั้ง พอเริ่มเบา ก็ไปซื้อดัมเบลแบบปรับน้ำหนักได้มา และเล่น Curl + Fly วันละ 100 ครั้ง ทุกวันตอนนั้นไม่รู้เรื่องโภชนาการเลย ต้องกินยังไง รู้แต่ว่าตัวเองมีพุง เลยอยากลดน้ำหนัก (หนัก 60 โล สูง 178 อยากลดน้ำหนัก…ที่จริงมันต้องลดไขมันหน้าท้องมากกว่า) ซื้อหนังสือ Diet มาอ่าน แล้วคุมแคลอรี่ วันๆ กินแต่โยเกิร์ต / นมเปรี้ยวพร่องมันเนย / สลัด และปล่อยให้ตัวเองหิวแสบท้อง เพราะรู้สึกว่าไขมันมันลดลง อ่านแล้วเพลียตัวเองเหมือนกัน และผมเชื่อว่ามีน้องๆหลายๆคนที่ผ่านจุดนี้อยู่ อ่านต่อให้จบนะ จะได้รู้ว่ามันต้องแก้ยังไง ปี 2006: ช่วงเวลาแห่งการ BULK (อ่านว่า บัลค์คึ ) ผ่านไป 1 ปี ที่ทั้งยกเวทอยู่บ้าน และลองเล่นยูโด