เชื่อไหม ว่าจริงๆแล้วปัญหาความอ้วนนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการกินอย่างเดียว แต่มันมักจะมาคู่กันกับการที่เราไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย หรือ ไม่ Active ทำให้เราเผาผลาญพลังงานน้อยกว่าที่ใช้
ซึ่งความอ้วนนั้น เกิดมาจากสาเหตุง่ายๆ คือ: พลังงานที่เราได้รับ มากกว่าพลังงานที่เราใช้ออกไป
ถึงแม้ว่าอาจจะดูง่ายๆไม่ซับซ้อน (ก็แค่ไม่ต้องกินข้าว ก็ผอมแล้วปะ?) จริงๆแล้วมีเคสพิเศษอีกนะครับ
- นาย A: อยากผอม เลยอดข้าว แต่ไม่ยอมออกกำลัง = ทำให้ระบบเผาผลาญเสีย ทำให้ไม่ผอมสักที ทั้งๆที่ได้รับพลังงานน้อย (เพราะร่างกายใช้พลังงานน้อย)
- นาย B: อยากผอม เลยวิ่งทุกวัน วันละ 2 ชั่วโมง และกินแต่ผลไม้ทั้งวัน ไม่ยอมกินอาหารปกติ = ขาดสารอาหาร ทำให้เสียกล้ามเนื้อ แรกๆอาจจะผอมเร็ว แต่ในระยะยาวร่างกายจะเผาผลาญน้อยลงเรื่อยๆเพราะกล้ามเนื้อหาย
ทั้ง A และ B จะกลายเป็นคนที่ อ้วน แต่ผอม หรือที่เรียกกันว่า Skinny Fat นั่นเองครับ
สำหรับวันนี้ เราจะมาพูดถึงเทคนิคในการทำให้เรา “ใช้พลังงานมากขึ้น” โดยที่ไม่ต้องไปทำ Cardio เพิ่มครับ
1. ทำชีวิตให้ Active!
คำว่า Active Lifestyle นั้น แบ่งได้หลักๆดังนี้
- แบบที่ 1. คือคนที่ active ด้วยงานการที่ทำ หรือกิจกรรมระหว่างวัน มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เล่น อาชีพครูที่ต้องยืนสอนหนังสือ กรรมกรที่ต้องแบกหาม หรือทหารที่ต้องเดินวิ่งและเคลื่อนไหวทั้งวัน ซึ่งแต่ละวัน คนกลุ่มนี้จะเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าคนที่นั่งเฉยๆค่อนข้างมาก (แล้วแต่กิจกรรม)
- แบบที่ 2. คือคนที่ active ด้วยกิจกรรมกีฬา หรือการออกกำลังกาย เช่น ออกกำลังอาทิตย์ละ 5 วัน ด้วยการเล่นเวท และอาจจะมีการ cardio บ้าง ตามประสาคนไปฟิตเนส
- แบบที่ 3. คือคนที่ใช้ชีวิตแบบ Active สุดๆทั้งกิจกรรม การงาน และกิจกรรมระหว่างวัน เช่น น้องที่ผมรู้จักคนหนึ่ง เป็นนักยูโด ต้องซ้อมยูโด เสร็จแล้วปั่นจักรยานจากบ้าน มาทำงาน เป็น personal trainer ซึ่งวานที่ทำต้องเดินและขยับตลอด ซึ่งรวมทุกอย่างแล้ว คนประเภทนี้ใช้พลังงานมากกว่าคนปกติมากเกือบเท่าตัว
ถ้าพูดถึง Lifestyle เราอาจจะแก้ไขไม่ได้ทั้งหมด แต่สิ่งหนึ่งที่เราทำได้ คือการ “ยัด” กิจกรรมต่างๆ ที่เล็กๆน้อยๆ ทำให้เรากลายเป็นคนที่ Active ขึ้นครับ
มาเริ่มกัน จากง่ายไปยาก แล้วเดี๋ยวเรามาคำนวนเป็นตัวเลขให้เห็นภาพกันครับ
- ทำงานบ้าน เช่นกินข้าวเสร็จล้างจาน กวาดบ้านทุกวัน
- เดิน แทนการนั่งรถ หากว่าไปไหนใกล้
- เดินขึ้น แทนการขึ้นลิฟท์ หรือบันใดเลื่อน
- ตื่นเช้ามาทำกิจกรรมง่ายๆ เช่นกระโดดเชือก หรือกระโดดตบ ประมาณ 15-20 นาที ก่อนอาบน้ำ
รวมทั้งหมดนี้ หากทำทุกวัน ใน 1 เดือนเราจะใช้พลังงานได้ตั้งแต่ 3000-3500 kcal เลยทีเดียว ซึ่งเทียบเท่ากับไขมันประมาณ 0.5kg หากว่าเราทำติดต่อกัน 1 ปี เราจะลดไขมันได้ตั้ง 6 kg โดยที่ยังไม่ต้องไปออกกำลังกายเพิ่มเลย!
ซึ่งหากเราสามารถรวมทั้งหมดนี้ กับการออกกำลังแบบ Cardio จะทำให้เราลดไขมันได้เร็วขึ้นครับ
2. เพิ่มกล้ามเนื้อ!
หลายๆคนเวลาลดไขมัน มักจะกังวลกับตัวเลขน้ำหนัก อยากลดน้ำหนักเร็วๆ พอลองการออกกำลังกายแบบ Weight training น้ำหนักไม่ลด ก็เลยเลือกที่จะ Cardio หรือวิ่งอย่างเดียว สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือเราใช้พลังงานตลอดเวลา
เปรียบเทียบการออกกำลังกายสองอย่างนี้เหมือนการหาเงิน
การวิ่ง = Active Income หรือเหมือนกับการที่เรารับงาน Freelance หากไม่มีงาน ก็ไม่มีเงิน เช่นเดียวกับการวิ่ง ถึงแม้จะใช้พลังงานมากก็จริง แต่เราจะใช้พลังงานก็ต่อเมื่อเราลงมือทำเท่านั้น
การเพิ่มกล้าม = Passive Income เหมือนกับการลงทุน และให้ทรัพย์สิน หรือเงินทำงานแทน เช่นซื้อคอนโดและปล่อยให้คนอื่นเช่า กล้ามก็เหมือนกัน ตรงที่กล้ามช่วยให้เราเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นในระหว่างวัน โดยที่ไม่ต้องลงมือทำอะไรเพิ่ม (และยิ่งหากเราทำอะไรเพิ่ม เช่น คนมีกล้ามแล้วไปวิ่ง เราก็จะใช้พลังงานได้เยอะกว่าคนไม่มีกล้ามครับ ทำให้ยิ่งลดไขมันได้เร็วขึ้น)
ทั้งนี้ทั้งนั้น ในโลกของฟิตเนส (และโลกความเป็นจริง) มีน้อยคนที่จะเกิดมาแล้วรวยเลย หรือหุ่นดีเลยโดยไม่ต้องลงทุน ดังนั้นเราก็ต้องเริ่มจากการค่อยๆสะสม ก็คือต้องมีทั้งการออกกำลังกายแบบ Cardio และแบบสร้างกล้าม ควบคู่กันไปครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
Cardio คืออะไร! ทำนานๆ หรือทำเร็วๆ ดีกว่ากัน? ใช้เครื่องไหนดี?
Cardio ตอนท้องว่างเผาผลาญไขมันได้มากกว่าจริงหรือ ?